หน้าเว็บ

วันอังคารที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2559

เลือกช่างสักอย่างไร?

เอาละ มาถึงคำถามที่ทุกคนรอคอยแล้ว บางคนอาจจะสงสัยว่าทำไมเราไม่ใช่คำว่าเลือกร้านสัก เหตุผลคือเราโฟกัสที่ช่างมากกว่า ร้านสักมันก็เป็นแค่ตัวร้านน่ะ ปีนี้ช่างคนที่สักด้วยอาจจะอยู่ประจำที่ร้านนึง แต่อีกปีอาจจะย้ายร้านหรือแม้แต่ย้ายประเทศเลยก็ได้ เพราะงั้นเราควรโฟกัสที่ตัวคนมากกว่าสถานที่ นั่นแหละ แล้วเราจะเลือกช่างสักยังไงดีละ คำตอบง่ายๆเลยคือต้องรู้ก่อนว่าเราอยากจะสักงานแบบไหน สิ่งแรกที่มือใหม่ต้องจำไว้นะ ช่างจากแต่ละร้านไม่ได้ถนัดงานไปหมดทุกแบบ ช่างหลายๆคนจะมีงานสไตล์ที่ตัวเองถนัด ทำได้ดีโดดเด้งออกมาอยู่ก็แบบสองแบบนี่แหละ ไม่มีหรอกช่างเทพๆที่ถนัดไปหมด ทำได้ทุกแนวน่ะ แล้วช่างที่หาสไตล์ตัวเองไม่เจอ ใครเอาแบบอะไรมาให้ก็สักไปงั้นๆ ไม่ปฏิเสธสักแนว แบบนี้คงไม่ใช่ช่างที่ดีเท่าไหร่นัก


เท่าที่เราอ่านกระทู้ตามหาร้านสักมา เราเห็นหลายคนแยกไม่ค่อยออกว่าช่างคนไหนถนัดงานอะไร สักสไตล์นี้ไปร้านไหนที่เขาโดดเด่น ประมาณว่าได้ยินร้านไหนดัง คนพูดถึงเยอะก็จำๆมาแล้วคิดว่าจะไปสักกับที่ร้านนั้น โดยที่ไม่เคยดูผลงานช่างมาก่อนเลยว่าในร้านนั้นมีช่างคนไหนที่ถนัดสไตล์แบบที่เราต้องการหรือเปล่า อยากให้จำไว้ตั้งแต่ตอนนี้ว่าการเลือกช่างสักคือการเลือกคนที่จะสักในลายที่ เราถูกใจ เป็นการเลือกเพื่อตัวเอง ไม่ใช่เลือกตามที่สังคมคิดว่าช่างคนนั้นดีหรือดังแค่ไหน ในส่วนนี้เราขอให้คำแนะนำแบบเปิดใจกันไปเลยว่าช่างในบ้านเราใครที่ถนัดงานสไตล์ไหนกันบ้าง ข้อมูลที่จะแนะนำเกิดจากการศึกษาดูงานของเราเกือบ 10 ปีนะ ช่างหลายๆคนที่จะพูดต่อไปนี้เราคิดว่าทำงานในสไตล์นั้นๆได้เยี่ยม ถ้าจะมีใครคิดเห็นเป็นอย่างอื่นอันนี้โทษกันไม่ได้นะ เรื่องรสนิยมไม่มีถูกผิดเนาะ
Old school/ American traditional - ช่างปลา ตวงพร @ Stay Cold Tattoo เอกมัย
Neo-traditional - ช่างพุท @ Dazzling Tattoo ลาดพร้าว 76
New school - ช่างพุท @ Dazzling Tattoo ลาดพร้าว 76
Realistic - ช่างอัล @ Divine Ink Tattoo ถนนข้าวสาร/ Bkk Ink Studio ถนนตะนาว
Japanese - ช่างยิ่ง @ Ying Youngterk ซอยโชคชัยร่วมมิตร/ ช่างเล็ก สักลาย สตูดิโอ ลิโด ชั้น 2
Thai - ช่างเต่า @ Ozzfest วงเวียนใหญ่
Neo-Thai -  ช่างบัมพ์ @ Easy Tattoo นวมินทร์/ ช่างมิ้ม @ Mimp Tattoo RCA
Bio-mechanical - Monster Ink Tattoo ถนนข้าวสาร

Geometric/Minimalist/Dotwork & Line/Mandala - ช่างต้น ช่างปาล์ม ช่างไผ่ @ Lone Wolf Studio อาคารบุญทิมา 4/ ช่างป็อบ @ Black Dog Ink รัตนาธิเบศร์


ถึงเราจะมั่นใจว่าช่างที่แนะนำไปดีแค่ไหนแต่เอาเข้าจริงๆแล้วอาจจะไม่ถูกรสนิยมคนอ่านก็ได้ ข้อมูลพวกนี้อาจจะแค่พอใช้เป็นไกด์ไลน์ได้บ้างเท่านั้น ทางที่ดีควรศึกษาดูงานเองให้มากๆเข้าไว้ IG เป็นแหล่งที่ติดตามงานสักจากทั่วทุกมุมโลกได้ดีที่สุด เลือกช่างที่เราชอบงานของเขาด้วยตัวเอง อย่าไปฟังใครแนะนำช่างที่เขาคิดว่าดี เพราะช่างคนนั้นอาจจะไม่เก่งแนวที่เราอยากจะสัก หรือถึงจะเก่งแต่อาจจะไม่ถูกใจก็ได้ เวลาเลือกช่างให้ดูจากการกดไลค์ภาพของตัวเองเป็นหลัก ช่างคนไหนที่เราดูงานเขาแล้วกดไลค์เรียงกันรัวๆ (ใน 10 รูป ควรมีที่กดไลค์อย่างต่ำ 7 รูป) ออกอาการกรี๊ดกร๊าดเสี้ยนเข็มตลอดเวลา นั่นแหละ ควรจะเลือกช่างคนนั้น นอกจากนี้อาจจะพิจารณาจากความก้าวหน้าในผลงานก็ได้ ช่างบางคนตอนแรกๆงานก็ดีอยู่ ผ่านไปสามปีกว่าเหมือนงานไม่ได้พัฒนาไปจากเดิมเท่าไหร่เลย แบบนี้ก็เซ็งๆเหมือนกัน ประสบการณ์ตรงที่เจอมากับตัวเลยนะอันนี้ ถ้าหาช่างที่เราคลั่งไคล้เจอแล้ว ไม่ว่าผ่านไปกี่ปีก็จะยังชอบงานของเขาได้แน่นอน



อีกเรื่องที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือ อย่าเลือกช่างสักจากราคา (สำหรับการคิดราคาเราจะพูดแบบลงลึกที่ด้านล่าง) แต่เอาคร่าวๆก่อนคือร้านสักมีมากมายหลายราคา ทั้งถูกทั้งแพง ที่พูดกันว่ารอยสักถูกๆไม่เคยดี มันก็ไม่ใช่เสมอไป ช่างสักบางคนอยู่มาเก่าแก่ อยู่มานาน อาศัยกินบุญเก่าไปเรื่อยๆ ผลงานที่โดดเด่นชัดเจนว่าเก่งสไตล์ไหนก็ไม่ประจักษ์ชัด แต่คนก็แห่แหนกันไปสักด้วยเยอะแยะ และต้องจ่ายในราคาที่แสนแพง ต่างกับช่างหัดใหม่บางคนที่มีการพัฒนาฝีมืออย่างรวดเร็ว แต่ด้วยความที่พรรษายังไม่แก่กล้าจะให้ไปตั้งราคาแพงๆคงไม่ได้ ก็เลยต้องตั้งราคาต่ำๆหน่อยตามที่ประเมินฝีมือตัวเอง จะมานึกว่าช่างที่คิดค่าสักถูกๆคือช่างฝึกหัด และช่างฝึกหัดฝีมือยังไม่ดีพอจะทำให้เราได้งานไม่ดี ดังนั้นไม่ควรไปใช้บริการกับช่างฝึกหัดหรือช่างที่ยังไม่เทิร์นโปรฯเต็มตัว ความคิดแบบนี้มันก็ไม่ถูก เราเชื่อนะว่าถ้าศึกษางานสักมาพอสมควร ได้ดูตัวอย่างงานไทยและงานนอกมากพอ เราจะแยกได้เลยว่างานสักจากช่างราคาถูกคนไหนคืองานกากๆ งานไหนคืองานสักจากช่างหัดใหม่ที่ฝีมือเข้าท่าแต่ตั้งราคาแบบคนเจียมตัว ถ้าไม่มีลูกค้าแล้วเขาจะฝึกกับใครที่ไหน ฝึกกับหนังเทียมมันก็ไม่เหมือนคนจริงหรอก เราเข้าใจว่าทุกคนก็อยากได้รอยสักที่ดีที่สุดเท่าที่ตัวเองมีเงินจ่ายไหวนั่นแหละ แค่อยากให้ลองมองในมุมนี้ดูบ้าง

พวกที่มีเงินมากๆไม่เดือดร้อนอันนี้ก็ตัดออกไป คงไม่ใช้เรื่องราคามาพิจารณาเลือกช่างอยู่แล้ว แต่กับคนที่รู้สึกว่าเรื่องเงินยังเป็นปัญหาอยู่ก็ต้องทำการบ้านมากหน่อย ถ้าคิดว่าจะยอมเก็บเงินสู้เพื่อแลกรอยสักดีๆก็ต้องหาช่างที่เทพในสไตล์ที่ต้องการจริงๆ ไม่ใช่ไปสะเปะสะเปะกับช่างที่ดีแต่ชื่อ ค่าตัวแพงลิบแต่ฝีมืองั้นๆ แบบนี้สู้ไปสักกับช่างเด็กๆที่หัดได้ปีเดียวแต่ผลงานไม่ต่างกันดีกว่า เซฟเงินไปได้หลายพัน อย่าคิดว่าที่พูดไม่มีจริงนะ เราและเพื่อนๆที่รักรอยสักเห็นผลงานมากับตา เทียบกันได้เลย หรือถ้าคิดว่าอดทนรอเก็บเงินก้อนใหญ่ไม่ไหว ความจำเป็นอื่นมันบังคับให้ต้องเอาเงินไปลงกับส่วนนั้นก่อน ก็ต้องทำการบ้านในการหาช่างหัดใหม่หรือช่างที่ยังไม่เทิร์นโปรฯเต็มตัวที่เขาถนัดแนวที่เราชอบ แล้วดูว่าฝีมือเขาดีพอที่เราจะรับได้มั้ย ถ้ารับได้ก็เอาเลย ได้ราคาดีแน่นอน เอาตัวเองเป็นหลัก ดูผลงานเขาแล้วสบายตาสบายใจ ถ้ามีผลงานเขาติดหนังเนื้อเราเองก็ยังรู้สึกสบายตาสบายใจได้ ใครจะมองว่ายังไงก็ช่างเขาแล้ว เขาไม่ได้มาช่วยเราจ่ายนี่นา

ส่วนตัวรู้สึกว่าร้านสักชื่อดังที่คิดราคาแพงหรือตกแต่งอย่างหรูหราดีจะได้เปรียบในแง่มีทุนไปลงกับเครื่องมือในการทำความสะอาดต่างๆ เพราะขั้นตอนหลายๆอย่างจะซับซ้อนและต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญด้วย ช่างที่พรรษาน้อยอาจจะยังไม่มีทุนมาลงกับตรงนี้มาก อาจจะทำได้แต่การทำความสะอาดพื้นฐาน ใครที่อยากเอาชัวร์สุดๆเรื่องความสะอาดจะเลือกร้านที่ดูแพงเพราะเชื่อว่าเขาลงทุนกับเรื่องความสะอาดได้มากกว่าก็ไม่ผิดหรอก


ร้านสักแบบไหนไว้ใจได้เรื่องความสะอาด?

เรื่องความสะอาด เพื่อให้เรื่องมันง่ายเข้า ใครที่ถูกใจงานสักสไตล์ใดสไตล์นึงที่เราแนะนำไปด้านบน ลองแวะไปดูตัวอย่างผลงานของช่างซะ ถ้าเห็นด้วยว่าดีจริงอย่างที่เราว่าไป ก็นัดวันจองคิวโอนมัดจำได้เลย ร้านระดับนี้สะอาดแท้ปลอดภัยชัวร์ ร้านดังๆที่ออกสื่อให้เห็นบ่อยๆ ตั้งในสถานที่ที่ดูแล้วสะอาด รั้วรอบขอบชิด มีแอร์ แบบนี้คือไว้ใจไปได้ครึ่งทางแล้ว ส่วนที่เหลือถ้าต้องการความมั่นใจจริงๆก็ให้ดูที่จุดเหล่านี้

- บรรยากาศภายในร้านต้องโล่ง โปร่ง ไม่แออัด หรือดูอับชื้น


- ช่างสักใส่ถุงมือแบบใช้แล้วทิ้งป้องกันอยู่ตลอดเวลาที่ทำการสัก



- สิ่งของเครื่องใช้ที่มีโอกาสจะสัมผัสตัวลูกค้าและช่างสัก เช่น สายไฟเครื่องสัก แขนเก้าอี้นั่งสัก โต๊ะวางหมึกสัก จะต้องทำการหุ้มด้วยพลาสติคป้องกัน


- เข็มที่ใช้สักจะต้องเปิดใหม่จากซองสเตอริไลซ์ เป็นเข็มใหม่ที่ไม่เคยผ่านการใช้งานมาก่อน

- กระบอกสักที่สามารถใช้ซ้ำได้ก็ต้องอยู่ในซองสเตอริไลซ์ที่ทำไว้ใช้กับเครื่องอบความดันไอน้ำ (autoclave) ด้วยเช่นกัน


- มีดโกนที่ใช้กำจัดขนในส่วนที่จะสักก็ต้องเป็นแบบใช้แล้วทิ้ง และถูกเปิดใหม่ให้เห็นๆกันเลย

- ก่อนจะนำเครื่องมือที่สามารถใช้ซ้ำได้ไปเข้า autoclave จะต้องทำความสะอาดด้วย ultrasonic cleaner

- สำหรับ autoclave และ ultrasonic cleaner จะต้องเก็บแยกไปในส่วนที่สะอาด ปลอดเชื้อจริงๆ เป็นห้องที่ไม่ให้คนภายนอกเข้า และทำ spore test กับเครื่องด้วย


- การทำ spore test มีความหมายแบบวิชาการว่าการตรวจสอบประสิทธิภาพการทำให้ปราศจากเชื้อ โดยมากก็เจาะจงว่าตรวจกับเครื่องอบความดันไอน้ำนี่แหละ ประโยชน์คือมันจะช่วยตรวจสอบประสิทธิภาพการสเตอริไลซ์อุปกรณ์ทุกอย่างที่ต้องนำมาใช้ซ้ำและจำเป็นต้องทำความสะอาดด้วยการสเตอริไลซ์ ถ้าไม่ทำ spore test สม่ำเสมอ อาจจะไม่รู้ว่ามาตรฐานการทำความสะอาดบกพร่องไปช่วงไหนบ้างหรือเปล่า เข้าใจว่าในไทยอาจจะยังไม่มีหน่วยงานที่มาจี้เรื่องนี้มากเท่าในต่างประเทศ ของเขามีสมาคมช่างสักประจำประเทศกันเลยนะ ถ้ามีลูกค้าร้องเรียนและพบว่าผิดจริงก็ใช้อำนาจควบคู่กับสารธารณสุขประจำรัฐสั่งปิดร้านได้เลย แต่ของเรากระทรวงสาธารณสุขที่เคยออกมาเย้วๆกับตำรวจสั่งปิดร้านสักบางร้านเมื่อปลายปีก่อนก็ไม่เห็นจะให้ความกระจ่างได้ว่ามีมาตรการด้านการตรวจสอบความสะอาดของร้านสักยังไง เอาง่ายๆว่ากฎหมายรองรับว่าร้านสักคือสถานประกอบกิจการประเภทไหนยังไม่มีเลย ทุกวันนี้ที่ขึ้นทะเบียนกันอยู่คือขึ้นว่าขายอุปกรณ์การสัก ไม่ใช่สถานรับสัก กลับมาที่ spore test ก่อน ในบ้านเราก็มีบริษัทที่เขารับตรวจด้านนี้อยู่ คล้ายๆจะเป็นแล็บนี่แหละ แต่ก็มีชุดทดสอบที่ทางบริษัทนำเข้าอุปกรณ์ทางการแพทย์เอาเข้ามาขายนะ ดูสภาพแล้วน่าจะทำกันเองได้ภายในร้าน ไม่ต้องไปจ้างคนนอก อันนี้ก็สุดที่เราจะรู้ว่าร้านไหนใช้บริการกันยังไง จากประสบการณ์ส่วนตัว แค่พูดถึง autoclave กับ spore test ให้ช่างบางคนได้ยิน เขาก็ทึ่งแล้ว เพราะเอาเข้าจริงคนส่วนมากไม่รู้ลึกเท่าไหร่หรอก แค่เห็นว่าเข็มสักที่เอามาสักให้ตัวเองเป็นเข็มใหม่ ไม่ได้ใช้ร่วมกับคนอื่นเขาก็จบ พอใจแล้ว

- มีระบบที่ดีในการจัดการ waste disposal ต่างๆภายในร้าน ในต่างประเทศเขามีบริษัทที่ให้บริการเรื่องนี้เป็นกิจจะลักษณะเลยนะ แต่เอาบริบทบ้านเราคิดว่าคงมีร้านสักน้อยแห่งมากที่จะจ้างมาใช้บริการ (คงมีแต่สถานพยาบาลใช้กันมากกว่า) เอาว่ามีถังขยะอันตรายที่แยกเป็นสัดส่วนชัดเจนและกำจัดทิ้งจริงๆก็พอแล้วสำหรับมาตรฐานแบบไทยๆ ซึ่งถังขยะอันตรายที่ใช้งานในร้านสักก็สามารถหาซื้อได้จาก supplier ที่ขายอุปกรณ์เกี่ยวกับการสักแบบครบวงจรอยู่แล้ว

- หมึกที่ใช้สักต้องเป็นแบรนด์ที่ไว้ใจได้ ดูมีมาตรฐาน ก่อนจะสักควรทำการบ้านไปก่อนว่าหมีกแบรนด์ที่นิยมใช้กันในไทยมีอะไรบ้าง ฉลากเป็นยังไง มีกี่ขนาดความจุ เผื่อเจอฉลากที่หน้าตาแปลกๆมาจะได้ไหวตัวทัน

- ไม่ควรมีลูกค้าคนหรือแม้แต่ช่างคนอื่นที่ไม่ได้สักให้เราดื่มของมึนเมาหรือใช้สารเสพติดชนิดต่างๆในขณะที่เรารับการสัก

(ใช้เพื่อการศึกษาเท่านั้น)